แลนด์บริดจ์ (Land Bridge) คือ อะไร?

โครงการยักษ์ใหญ่ถมทะเล สร้างท่าเรือ ทำลายพื้นที่สีเขียว

แลนด์บริดจ์ (Land Bridge) เป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทย และอันดามัน ที่คาดหมายว่าจะเป็นเส้นทางเลือกในการขนส่งสินค้าทางทะเลนอกเหนือจากการขนส่งสินค้าผ่านช่องแคบมะละกา เพื่อให้ไทยกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการขนส่งคมนาคมของเอเชีย

จึงมีชื่อว่า “โครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร – ระนอง” ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบแนวคิดการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor : SEC) ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ปี 2561 ภายใต้โครงการนี้มี 3 โครงการใหญ่ต่อเนื่อง โดยมีระยะทางรวม 109 กิโลเมตร ประกอบด้วย

  1. โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกระนอง-ชุมพร
  2. โครงการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ ช่วงชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง
  3. โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway)

ภายใต้เมกะโปรเจ็คนี้ กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาความเหมาะสม คาดหมายได้ว่าโครงการนี้จะสร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชุมชนในพื้นที่ดังกล่าวอย่างมาก ซึ่งในช่วงปี 2567-2568 เป็นช่วงของการทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Environmental Health Impact Assessment : EHIA) ของ สนข.

 

1.ชุดโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกระนอง-ชุมพร

ซึ่งท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ที่จะต้องก่อสร้างขึ้นมีจำนวน 2 โครงการ ได้แก่

ท่าเรือน้ำลึกแหลมริ่ว จ.ชุมพร คลอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลบางน้ำจืด ตำบลปากน้ำ อ.หลังสวน และตำบลปากตะโก อ.ทุ่งตะโก ซึ่งต้องถมทะเล รวม 5,808 ไร่ และพื้นที่ท่าเทียบเรือ ประมาณ 7,580 ไร่

 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร

 

ท่าเรือน้ำลึกแหลมอ่าวอ่าง อ.เมือง จ.ระนอง คลอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลราชกรูดและตำบลเกาะพยาม อ.เมืองระนอง และตำบลม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ซึ่งต้องถมทะเล รวม 6,975 ไร่ และพื้นที่ท่าเทียบเรือ ประมาณ 5,633 ไร่

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร

 

2.โครงการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ ช่วงชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง

รถไฟรางคู่ เป็นทางรถไฟที่มีราง 2 เส้นวางคู่ขนานกันไปตามแนวเส้นทางรถไฟ สามารถวิ่งสวนกันได้โดยไม่ต้องรอ ซึ่งโครงการนี้ต้องการที่จะสร้างทางรถไฟขนาดราง 1.435 เมตร จำนวน 2 ทาง และอุโมงค์ลอดผ่านภูเขา 3 แห่ง รวมระยะทาง 89.35 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่บริเวณแหลมริ่ว ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน จ.ชุมพร และสิ้นสุดโครงการที่บริเวณอ่าวอ่าง ต.ราชกรูด อ.เมืองระนอง จ.ระนอง เพื่อรองรับการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ พื้นที่สำหรับวางท่อขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและก๊าซธรรมชาติแผนการขนส่งและจราจร

 

3. ชุดโครงการทางหลวงพิเศษ ระหว่างเมือง สายชุมพร – ระนอง

เส้นทางถนนทางหลวงเป็นหนึ่งในเส้นทางคมนาคมขนส่งทางบกที่จะเชื่อมท่าเรือน้ำลึกแหลมริ่ว และท่าเรือน้ำลึกแหลมอ่าวอ่าง ระยะทางประมาณ 87.50 กิโลเมตร เป็นถนนมอเตอร์เวย์ (Motorway) ขนาด 6 ช่องทางจราจร ผ่านพื้นที่ 2 จังหวัด ดังนี้

1.จังหวัดชุมพร พาดผ่าน 2 อำเภอ คือ อ.หลังสวน ต.บางน้ำจืด ต.หาดยาย ต.นาขา ต.วังตะกอ อ.เภอพะโต๊ะ ต.ปังหวาน ต.พระรักษ์ ต.พะโต๊ะ ต.ปากทรง

2. จังหวัดระนอง พาดผ่าน อ.เมืองระนอง ต.ราชกรูด ต.ราชกรูด เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับทั้งโครงการท่าเรือแหลมอ่าวอ่าง และมอเตอร์เวย์

สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร

 

แลนด์บริดจ์ เพื่อใคร?
1.กฎหมาย เปิดไฟเขียวทุกเรื่องให้นักลงทุน

พ.ร.บ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ เป็นกฎหมายที่จะเปิดทางการอนุญาตให้ก่อสร้างโครงการและสาธารณูปโภคต่างๆ สำหรับนายทุนและการก่อสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ ให้กลายเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของไทย โดยปัจจุบันมีร่างจำนวน 4 ฉบับ จากสนข. และพรรคการเมืองต่างๆ อยู่ระหว่างการรอพิจารณา

ร่างพ.ร.บ.SEC จะนำมาใช้ในพื้นที่ภาคใต้ 4 จังหวัดนำร่อง คือ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และอาจมีการประกาศพื้นที่จังหวัดอื่นๆ เพิ่มในภายหลัง โดยทุกร่างมีเนื้อหาใกล้เคียงกันโดยสาระสำคัญ คือ การเปลี่ยนภาคใต้ให้เป็นไปตามแผนเขตเศรษฐกิจพิเศษ เน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมขั้นสูงและการลงทุนต่างประเทศ เชื่อมโยงการค้าและการขนส่ง และสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนภายในประเทศ โดยคณะกรรมการ SEC มีอำนาจในการซื้อ เช่า เวนคืนที่ดินทุกประเภท เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนักลงทุนต่างชาติเป็นเจ้าของที่ดินได้ หรือเช่าที่ดินได้นานสุดถึง 99 ปี ยาวนานกว่ากฎหมายปกติ รวมทั้งยกเว้นกฎหมายต่างๆ อย่างน้อย 30 ฉบับ ที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมให้เดินหน้าสะดวก

 

2. คนใต้ต้องสูญเสียทรัพยากร วิถีชีวิต และอาชีพ

พื้นที่จังหวัดชุมพร และระนอง มีศักยภาพเป็นแหล่งปลูกผลไม้และการประมงของไทย โดยเฉพาะพื้นที่โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ เช่น อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร เป็นแหล่งปลูกทุเรียนและพืชเศรษฐกิจ ในปี พ.ศ. 2567 สร้างรายได้กว่า 7,000 ล้านบาท (ข้อมูลจาก: ศูนย์สร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา และเครือข่าย) และในพื้นที่ก่อสร้างท่าเรือแหลมอ่าวอ่าง จ.ระนอง มีความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลก สร้างรายได้เฉพาะการท่องเที่ยวปี 2566 รวมกว่า 6,000 ล้านบาท และทะเลเป็นที่ทำกินให้กับชาวประมงพื้นบ้าน สร้างรายได้ในปี 2567 กว่า 500 ล้านบาทต่อปี แต่โครงการแลนด์บริดจ์กำลังจะเปลี่ยนพื้นที่ศักยภาพทางธรรมชาติ แหล่งอาหารและการท่องเที่ยวอันเป็นต้นทุนที่ประเมินมูลค่าไม่ได้ ให้กลายเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมซึ่งยังไม่มีความชัดเจนต่อความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และทำให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม รวมถึงวิถีชีวิต การสูญเสียอาชีพของผู้คน

 

3. รัฐแลก 1 ล้านล้านบาทกับมูลค่าความเสียหายที่ไม่อาจประเมินได้

รัฐเตรียมตั้งงบประมาณ 1 ล้านล้านบาทเพื่อใช้ดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์แต่ก่อนที่จะใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลนั้น จำเป็นต้องประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เห็นว่ามีความคุ้มค่าเพียงพอหรือไม่ โดยศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยจัดทำรายงานศึกษาฉบับสมบูรณ์ ได้ผลสรุปว่า “โครงการแลนด์บริดจ์ ไม่มีความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์” หรือไม่คุ้มค่าในการสร้าง เพราะพื้นที่ของโครงการจะกระทบต่อพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ และพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญ ได้รับการประกาศตามอนุสัญญา Ramsar ซึ่งจะเป็นความเสียหายที่ไม่สามารถประเมินค่าได้และไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้

https://stop-sec.com/

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง