สถานการณ์สิ่งแวดล้อม สิทธิ และกฎหมายที่ต้องติดตามในปี 2564

ปี 2564 “มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)” ขอยก 5 เรื่องสำคัญ “สถานการณ์สิ่งแวดล้อม สิทธิ และกฎหมายที่ต้องติดตามในปี 2564” ได้แก่

1. การคุกคามนักปกป้องสิทธิฯด้านสิ่งแวดล้อม

2. โครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว

3. ฝุ่น PM 2.5 การละเมิดสิทธิมนุษยชนตามฤดูกาลที่ต้องหมดสิ้นไป !!

4. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อสิ่งแวดล้อมและประชาธิปไตย

5. ประเด็นเหมืองแร่ในประเทศไทยในปี 2564

ย้อนมองสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องและมีความสำคัญด้านสิทธิเสรีภาพ กฎหมายและคดีสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมาตลอดทั้งปี 2563 จาก “5 เรื่องเด่นแห่งปี 2563” ได้ที่ Link

1.การคุกคามนักปกป้องสิทธิฯด้านสิ่งแวดล้อม

บ่อยครั้งที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อปกป้องคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิต เพื่อให้ดำรงอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี แต่กลับปรากฎว่าการใช้สิทธิตามกระบวนการทางกฎหมายโดยปกติที่ประชาชนสามารถใช้สิทธิได้นั้น นำมาสู่การข่มขู่คุกคามและการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการฟ้องร้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ดังกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

การคุกคาม “เอกชัย อิสระทะ” ที่เข้าไปสังเกตการณ์เวทีรับฟังความคิดเห็นในการขอประทานบัตรโครงการเหมืองแร่หิน จังหวัดพัทลุง แต่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อุ้มตัวมากักขังหน่วงเหนี่ยว ยึดโทรศัพท์มือถือ และข่มขู่ ห้ามไม่ให้แจ้งความดำเนินคดี และห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับโครงการทำเหมืองหินนี้อีกต่อไป

“สุเมธ เหรียญพงศ์นาม” ตัวแทนชุมชนกรอกสมบูรณ์ จ.ปราจีนบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากมวลพิษทางอากาศ ร่วมลงชื่อในจดหมายร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นจากสารเคมีของบริษัทกำจัดขยะในพื้นที่ แต่กลับถูกบริษัทฯ กำจัดขยะ ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท

“เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์” นักปกป้องสิทธิฯ ด้านสิ่งแวดล้อมที่เคลื่อนไหวประเด็นทรัพยากรแร่ ได้ถูกขู่ฆ่า ในขณะที่ร่วมกับชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได รณรงค์เรียกร้องให้มีการปิดเหมืองหิน ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู

และล่าสุดกรณีเหมืองแร่ทองคำ จ.เลย มีชายสวมเสื้อกรมการปกครองยิงปืนข่มขู่ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดและนักศึกษาที่กำลังปักหลักเฝ้าเวรยามหน้าเหมืองแร่ทองคำ อ.วังสะพุง จ.เลย

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการข่มขู่คุกคาม นักปกป้องสิทธิฯ ด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่ แต่รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่ได้มีท่าทีที่ชัดเจนในการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และการแก้ไขปัญหาการใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการข่มขู่คุกคามประชาชน

อ่านเพิ่มเติม
https://transbordernews.in.th/home/?p=23440
https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10163430907825551
http://www.voicetv.co.th/read/KpVPhV54l
https://www.thaipost.net/main/detail/73187
https://prachatai.com/journal/2020/09/89635…
http://www.voicetv.co.th/read/XBqFikJkJ
http://www.voicetv.co.th/read/gV-YRSWVf
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1850959348387795&id=509085482575195
https://thecitizen.plus/node/38822

2.โครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว

กรณีการปนเปื้อนสารตะกั่วจากเหมืองแร่ ลงสู่ลำห้วยคลิตี้ ส่งผลให้ชาวบ้านหมู่บ้านคลิตี้ได้รับสารพิษ ซึ่งนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดี จนศาลมีคำสั่งให้บริษัทฯต้องดำเนินการฟื้นฟูมลพิษในลำห้วยคลิตี้ให้กลับคืนเป็นปกติ ตามคำพิพากษาตั้งแต่ปลายปี 2560 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

โครงการนี้กรมควบคุมมลพิษอยู่ในฐานะหน่วยงานหลักในการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ โดยได้ว่าจ้างบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์กรีน (มหาชน) จำกัด เป็นผู้รับเหมาดำเนินการโครงการฟื้นฟู โดยมีงบประมาณการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้กว่า 454 ล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการจำนวน 1,000 วัน นับตั้งแต่ 16 พ.ย.2560 แต่เนื่องจากโครงการฟื้นฟูในระยะแรกดำเนินการล่าช้า ยังไม่สามารถทำให้ค่าตะกั่วในคลิตี้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อชุมชนได้ จึงมีการขอขยายระยะเวลาในการฟื้นฟู และพบพื้นที่ปนเปื้อนใหม่ กรมควบคุมมลพิษจึงได้ทำการของบประมาณเพิ่มเติม จำนวน 205 ล้านบาท สำหรับการทำโครงการฟื้นฟูระยะที่ 2

ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวแทนชุมชนได้มีการยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ขอให้ศาลหยุดการฟื้นฟูไว้ชั่วคราว และขอให้ศาลนัดไต่สวนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากการกระบวนการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ที่ทำอยู่นั้น อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน

ในปี 2564 นี้ กระบวนการตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐในการดำเนินการฟื้นฟูมลพิษในลำห้วยคลิตี้ยังคงเดินหน้าต่อ จึงต้องติดตามการฟื้นฟูการปนเปื้อนมลพิษลำห้วยคลิตี้อย่างใกล้ชิดในฐานะที่คลิตี้เป็นพื้นที่สำคัญที่จะเป็นกรณีตัวอย่างของการฟื้นฟูมลพิษและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย เพราะ ยังมีอีกหลายพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบการปนเปื้อนของสารเคมีและมีมลพิษเกินค่ามาตรฐาน จากการทำเหมืองแร่และโครงการอุตสาหกรรมต่าง ๆ

อ่านเพิ่มเติม
สรุปคำพิพากษาศาลฎีกาคดีคลิตี้ 14 ปีที่รอคอย : https://enlawfoundation.org/newweb/?p=2881
ลำดับเหตุการณ์กระบวนการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ปนเปื้อนสารตะกั่ว : https://enlawfoundation.org/newweb/?p=5066#more-5066
ชาวบ้านคลิตี้จับพิรุธเหตุฟื้นฟูห้วยคลิตี้ปนเปื้อนล่าช้า คพ.-บ.เอกชนรับสัมปทานแจงปัญหา-อุปสรรค : https://transbordernews.in.th/home/?p=26110…
ร้องระงับการฟื้นฟูห้วยคลิตี้ชั่วคราว เหตุผู้รับเหมาทำผิด TOR ทำสายน้ำเป็นพิษอีกรอบ : https://greennews.agency/?p=20892https://theactive.net/news/20201201-5/…
คลิตี้: เรื่องเก่าที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของคดีสิ่งแวดล้อมชุมชน : https://www.bbc.com/thai/thailand-41225292

3.ฝุ่น PM 2.5 การละเมิดสิทธิมนุษยชนตามฤดูกาลที่ต้องหมดสิ้นไป !!

นับตั้งแต่ปี 2562 สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลโดยรวม อยู่ในเกณฑ์เป็นอันตรายส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน พบฝุ่นละออง PM2.5 ในบรรยากาศทั่วไปพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกินค่ามาตรฐาน คือ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามประกาศฉบับที่ 36 โดยกำหนดมาตรฐานค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงและค่าเฉลี่ยรายปีของ PM 2.5 ไม่เกิน 50 และ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ

เมื่อต้นปี 2563 ได้มีการยื่นหนังสือร้องทุกข์ให้รัฐบาลปรับปรุงการรับมือปัญหาฝุ่น PM2.5 โดย 8 องค์กรภาคประชาชน นำเสนอทางออกเพื่อให้รัฐบาลพิจารณา เช่น รัฐบาลต้องปรับมาตรฐาน PM 2.5 ในบรรยากาศของไทยให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายชั่วคราวที่ 3 ของ WHO (Interim Target 3) โดยที่ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง คือ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าเฉลี่ยรายปีคือ 12 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภายในปี พ.ศ.2563 และควรออกกฎหมายกำหนดมาตรฐานการปล่อยฝุ่นพิษ PM2.5 จากแหล่งกำเนิดมลพิษหลัก ทั้งโรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรมและรถยนต์

ผ่านมา 1 ปีแล้ว แต่ต้นปี 2564 นี้ เรากลับยังได้พบกับค่าฝุ่น PM 2.5 มีปริมาณเกินค่ามาตรฐานกว่า 62 พื้นที่ ซึ่งในปีนี้ยังคงต้องติดตามกันต่อว่ามาตรการการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลจะส่งผลให้ค่าฝุ่น PM2.5 และทิศทางการพัฒนากฎหมายเพื่อให้ค่ามาตรฐานฝุ่น PM2.5 ของไทยเทียบเท่ากับค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกจะได้รับการตอบสนองมากน้อยเพียงใด

อ่านเพิ่มเติม
ย้อนดู ม.ค.2562 ฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน 25 วันใน 1 เดือน บริเวณ กทม. และ ปริมณฑล https://workpointtoday.com/pm25-4/
ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 36 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2553/E/037/61.PDF
ขออากาศดีคืนมา! ประชาชนและ 8 องค์กรสิ่งแวดล้อมจี้รัฐจัดการฝุ่นhttps://greennews.agency/?p=20122&fbclid=IwAR1JPnnxJlcKbREQucyEdIyhP2m5VaXcLMqa8rPJ-IgYDR4JRnvYLFKp6sU
ค่าฝุ่น PM 2.5 เช้านี้ พุ่งเกินมาตรฐาน 62 พื้นที่ แนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2012292
บทบรรณาธิการ: หมอกควันธันวา ปัญหามลพิษฝุ่นไม่มีวันหมด ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีแก้ https://greennews.agency/?p=22229…

4.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อสิ่งแวดล้อมและประชาธิปไตย

สิ่งแวดล้อมจะดีขึ้นได้ ถ้าการกำหนดนโยบายของรัฐคำนึงถึงความสำคัญของสิทธิในการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีของประชาชน แต่เป็นที่น่าเสียดายว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กลับยังไม่มีการรับรองสิทธิในการการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ทั้งยังตัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการของรัฐ ส่งผลให้กลไกทางกฎหมายในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน รัฐธรรมนูญฯ ฉบับนี้ จึงเป็นเสมือนการพรากเอาไปซึ่งสิทธิของประชาชน

รัฐธรรมนูญที่ดีต้องรับรองสิทธิทางสิ่งแวดล้อม การแก้รัฐธรรมนูญฯ จึงเป็นหนทางที่จะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี มีน้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ และสามารถดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ดีได้
เมื่อกลางปี 2563 ภาคประชาชนได้ร่วมกันเข้าชื่อเสนอ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดยมีการรวบรวมรายชื่อกว่า 100,000 รายชื่อ เสนอต่อรัฐสภา แต่ปรากฏว่า วันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ที่ประชุมรัฐสภามีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเข้าชื่อของประชาชนกว่า 100,000 รายชื่อ ทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนไม่ถูกนำไปพิจารณา คงเหลือเพียงร่างไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย

ในปี 2564 นี้ การแก้รัฐธรรมนูญฯ จึงเป็นวาระที่ต้องร่วมติดตามอย่างใกล้ชิด ว่ากระบวนการร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ถูกเสนอขึ้นมาจากประชาชนโดยตรง จะสร้างการมีส่วนร่วมให้กับประชาชนชาวไทยมากเพียงใด และท้ายที่สุดแล้วรัฐธรรมนูญฉบับต่อไปจะเป็นเพียงการแก้ไขในรายละเอียดและเทคนิคทางกฎหมายหรือจะเป็นความหวังของประชาชนที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้กันแน่

อ่านเพิ่มเติม
คนไทยยังเสี่ยงถูกละเมิดสิทธิสิ่งแวดล้อม แม้รายงาน ‘RWI’ ชม อาเซียนคุ้มครองสิทธิเข้มแข็งขึ้น https://greennews.agency/?p=22239…
สิทธิการดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี (ที่หายไปจากร่างรัฐธรรมนูญ)
https://enlawfoundation.org/newweb/?p=2894
คว่ำร่างไอลอว์!รัฐสภาลงมติรับ 2 ร่างรธน.แก้ ม.256 เปิดทางตั้ง ส.ส.ร.ส่วนที่เหลือถูกตีตก https://www.isranews.org/…/isra…/93565-isranews-pol.html
รัฐบาลคุมเกมแก้รัฐธรรมนูญใน กมธ. เบ็ดเสร็จ ตั้ง ส.ว. ที่ “ไม่เห็นชอบ” มาด้วย https://ilaw.or.th/node/5790

5. ประเด็นเหมืองแร่ในประเทศไทยในปี 2564

เหมืองแร่ เป็นหนึ่งในโครงการที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมากและมีแนวโน้มว่าจะมีเหมืองแร่เพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งโครงการเหมืองแร่นั้นมักจะมาตั้งอยู่บริเวณที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระบบนิเวศ มีความอุดมสมบูรณ์และพื้นที่ที่ประชาชนและชุมชนใช้ประโยชน์เป็นแหล่งอาหารตามวิถีชีวิต
ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ทำเหมืองขึ้นใหม่ ตามมาตรา 19 ได้กำหนดให้พื้นที่ที่จะอนุญาตให้ทำเหมือง ให้พิจารณาอนุญาตได้เฉพาะในพื้นที่ที่แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่กำหนดให้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง และตามมาตรา 17 วรรคสี่ กำหนดว่าการกำหนดเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง ต้องไม่ใช่พื้นที่แหล่งต้นน้ำและผ่านน้ำซับซึม เพื่อเป็นการคุ้มครองความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ

ปัจจุบัน โครงการเหมืองแร่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่และบางพื้นที่ก็ได้รับผลกระทบจากโครงการเหมืองแร่จนยากแก่การเยียวยาแก้ไขให้ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ กลับมามีสภาพเดิมแล้ว เช่น

๐ เหมืองแร่ทองคำ จ.จันทบุรี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการขออาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำ ซึ่งมีกระแสการคัดค้านจากชาวจันทบุรี เนื่องจากมีพื้นที่ที่อาจจะได้รับผลกระทบกว่า 22 หมู่บ้าน และผลกระทบจากมลพิษอาจทำลายพื้นที่เพาะปลูกทุเรียน ตลอดจนพื้นที่ขอสำรวจแร่ทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวน และพื้นที่อุทยานแห่งชาติด้วย

๐ เหมืองถ่านหินบ้านกะเบอะดิน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ โดยชาวบ้านกะเบอะดินกำลังเผชิญกับการกลับมาของโครงการเหมืองถ่านหินที่อาจทำลายความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และด้วยวิถีชีวิตของชุมชนที่เชื่อมโยงกับทรัพยากรธรรมชาติในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวันหรืออาชีพของชาวบ้านในชุมชนล้วนต้องพึ่งพิงธรรมชาติไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นเหตุผลหนึ่งที่ชาวบ้านกะเบอะดินต่างคัดค้านโครงการเหมืองแร่ถ่านหินมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว

๐ เหมืองหินดงมะไฟ จ.หนองบัวลำภู แม้ว่าปัจจุบันประทานบัตรการทำเหมืองหินได้หมดอายุลงแล้ว แต่ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ก็ได้ถูกทำลายไปแล้ว และชาวบ้านในพื้นที่ยังคงจับตาความเคลื่อนไหวเฝ้าระวังไม่ให้เหมืองสามารถกลับมาดำเนินการได้ เนื่องจากโครงการเหมืองแร่อาจจะขอต่ออายุประทานบัตรเพื่อทำเหมืองแร่ต่อ

๐ การฟื้นฟูมลพิษซึ่งเกิดจากเหมืองแร่ตะกั่ว ปนเปื้อนลงลำห้วยคลิตี้ จ.กาญจนบุรี

๐ การฟื้นฟูมลพิษที่เหมืองแร่ทองคำ จ.เลย ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการบังคับคดีตามคำพิพากษา

ในปี 2564 นี้ ประเด็นเรื่อง เหมืองแร่ จึงเป็นประเด็นที่น่าติดตาม ว่ากระบวนการขออณุญาตตามกฎหมายแร่จะถูกบังคับใช้อย่างถูกต้องชอบธรรมเพียงใด และจะมีการปรับปรุงแก้ไขพื้นที่เขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองในแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ไม่ให้ไปทับซ้อนกับพื้นที่แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึมอย่างไร รวมทั้งกระบวนการฟื้นฟูการปนเปื้อนมลพิษหรือมาตรการเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากโครงการเหมืองแร่ จะมีประสิทธิภาพหรือไม่อย่างไร

อ่านเพิ่มเติม
ความเห็นทางกฎหมายต่อพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 (ตอนที่ 1) https://enlawfoundation.org/newweb/?p=3582
ความเห็นทางกฎหมายต่อพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 (ตอนที่ 2) https://enlawfoundation.org/newweb/?p=3590
This Land No Mine ประมวล 5 เรื่องเด่น ประเด็นเหมืองแร่ ปี 2563 https://prachatai.com/journal/2020/12/90997
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=3749622161766559&id=2251559374906186
https://greennews.agency/?p=21766
https://thecitizen.plus/node/36450
ชาวบ้านต้านเหมืองหินดงมะไฟกางกม.แร่60 เตือน’ขรก.-บริษัท’อุ้มประทานบัตรเจอโทษหนัก https://www.thaipost.net/main/detail/78063

บทความที่เกี่ยวข้อง