กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับศูนย์วิจัยด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและสารอันตราย รายงานความก้าวหน้าหน้าโครงการกำหนดแนวทางการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว (ระยะที่1)

กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับศูนย์วิจัยด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและสารอันตราย

รายงานความก้าวหน้าหน้าโครงการกำหนดแนวทางการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว

(ระยะที่1)

รายงานโดย มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม

28 พ.ย. 2556 

          หลังจากกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับ ศูนย์วิจัยด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและสารอันตราย  มหาวิทยาลัยขอนแก่น ลงหมู่บ้านคลิตี้ล่าง และคลิตี้บน เพื่อชี้แจงรายละเอียดโครงการกำหนดแนวทางการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว (ระยะที่ 1)  เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556

 pic2

          ล่าสุดวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับ ศูนย์วิจัยด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมฯ ได้ลงหมู่บ้านคลิตี้ล่างเพื่อชี้แจงความก้าวหน้าศึกษาตามโครงการกำหนดแนวทางการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว (ระยะที่ 1)
          การชี้แจงความก้าวหน้าโครงการ เริ่มจาก ผศ.ดร. เนตรนภิส ตันเต็มทรัพย์ ได้ทบทวนข้อเสนอแนะของชาวบ้านจากการปฐมนิเทศโครงการวันที่ 31 ต.ค. 56 ว่ามี 4 ประเด็นสำคัญคือ

  1. การเก็บตัวอย่างช่วงผ่านหมู่บ้านคลิตี้ล่างจนถึงจุด KC 4 ให้เก็บตัวอย่างทุกระยะ 100 เมตร
  2. หาบริเวณที่น้ำจากขอบตลิ่งท่วมไปถึง
  3. ตรวจสอบความแข็งแรงของบ่อกักเก็บตะกอนหางแร่ว่าจะไม่รั่วไหลลงมาอีก
  4. จัดการตะกอนดินในหลุมฝังกลบ(เดิม) บ่อที่เหลือคือ บ่อหมายเลข  1 6 7 8

 
          ความคืบหน้าหลังการดำเนินการกว่า 1 เดือน 
          ผศ.ดร. เนตรนภิส ตันเต็มทรัพย์ ผู้แทนศูนย์วิจัยด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมฯ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวรายงานถึงความคืบหน้าการเก็บตัวอย่างในลำห้วยคลิตี้ว่า การเก็บตัวอย่างของทีมศึกษาได้เก็บจนถึงจุด KC 4 แล้วโดยเริ่มเก็บจากน้ำตกท้ายหมู่บ้าน และเก็บทุกระยะ 100 เมตร ตามที่ชาวบ้านให้ข้อเสนอมา โดยทีมศึกษาจะเดินหน้าเก็บตัวอย่างต่อไปเพื่อให้ทันต่อการชี้แจงความก้าวหน้าโครงการต่อชาวบ้านในเดือน มกราคม
          ต่อข้อเสนอที่ชาวบ้านต้องการให้ทีมผู้ศึกษาหาบริเวณที่น้ำจากขอบตลิ่งท่วมไปถึง  ทีมผู้ศึกษาตรวจสอบและสอบถามจากชาวบ้านพบว่าหากช่วงน้ำท่วม น้ำในลำห้วยคลิตี้จะท่วมล้นตลิ่งและกินพื้นที่จากขอบตลิ่งขึ้นไป 3-5 เมตร
 pic8  
          การดำเนินการต่อไปของทีมศึกษา
          การดำเนินการของทีมศึกษาหลังจากนี้คือการขุดตะกอนเฉพาะจุดเพื่อตรวจหาอายุตะกอนและความเป็นพิษ ซึ่งผลการตรวจสอบจะช่วยตอบคำถามได้ว่าหากต้องมีการขุดลอกตะกอนจะต้องขุดลึกที่ระดับใด  ทีมศึกษาจึงหารือกับชาวบ้านว่าควรจะเก็บตัวอย่างตรงจุดใด      ซึ่งชาวบ้านได้เสนอจุดเก็บตะกอนเฉพาะ 2 จุดคือ 1. บริเวณการศึกษานอกโรงเรียน 2. ก่อนจุด KC 4/1 อีก 1 จุด
pic6
 
         ขุดตะกอนจากลำห้วยแล้วจะนำไปฝังกลบที่ไหน
          ในช่วงท้ายของการปรึกษาหารือ ชาวบ้านเสนอให้นำตะกอนไปฝังกลบที่บ่องาม เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย และมีบ่อขนาดใหญ่ใหญ่ซึ่งเพียงพอที่จะกักเก็บตะกอน ซึ่งทีมศึกษารับว่าจะศึกษาเพิ่มเติมเพื่อดูว่าจะมีความเป็นไปได้เพียงใดหากจะนำตะกอนไปฝังกลบที่บ่องาม
 
          จากข้อห่วงกังวล สู่ความร่วมมือ
ข้อห่วงกังวลของชาวบ้านคือในระหว่างที่มีการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ชาวบ้านต้องการปรับปรุงระบบน้ำประปาภูเขาให้ใช้ได้ทั่วถึงทั้งหมู่บ้าน ซึ่งทางทีมศึกษามีวิศวกรที่ประจำอยู่ในพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่าง จึงรับที่จะร่วมมือกับชาวบ้านเพื่อวางแผนปรับปรุงระบบประปาภูเขาต่อไป 
 
          ปรับปรุงประสิทธิภาพฝายชะงัก  เหตุเข้าถึงพื้นที่ยาก 
         ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน กรมควบคุมมลพิษได้เชิญภาคประชาสังคม และชาวบ้านเข้าตรวจสอบความก้าวหน้าของการปรับปรุงประสิทธิภาพฝายหินทิ้งและการจัดการตะกอนดินหน้าฝาย   ซึ่งพบว่าขณะนี้ผู้รับเหมาได้ชะลอการดำเนินการตามแผนเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีฝนตกมากและการเข้าถึงพื้นที่ทำได้ยาก   อีกทั้งพบว่าไม่มีการปฏิบัติตามมาตรการ ป้องกันและลดผลกระทบจากการปรับปรุงประสิทธิภาพฝายหลายประการ ซึ่งกรมควบคุมมลพิษจะกำกับให้กรมทรัพยากรน้ำปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวต่อไป
pic7
 
          การลงพื้นที่เพื่อชี้แจงความ ความก้าวหน้าหน้าโครงการกำหนดแนวทางการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว (ระยะที่1)  ครั้งต่อไป
           ศูนย์วิจัยด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและสารอันตราย  มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะลงพื้นที่เพื่อนำเสนอกับชาวบ้านว่าการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้มีวิธีใดบ้าง และจะระดมข้อห่วงกังวลจากชาวบ้านเพื่อจัดทำมาตรการป้องกันและลดผลกระทบในระหว่างดำเนินการฟื้นฟูต่อไป
 

ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง