แถลงการณ์เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ : ข้อเสนอต่อการบริหารจัดการทรัพยากรแร่เพื่อก้าวสู่สหัสวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2564 ก่อนสิ้นสุดกิจกรรม เวทีสาธารณะ “ประชาชนเป็นเจ้าของแร่ การบริหารจัดการแร่ต้องมาจากประชาชน” ปัญหาการบังคับใช้แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี และพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560” เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ซึ่งเป็นหนึ่งในผุ้ร่วมจัด ได้อ่านแถลงการณ์กล่าวถึงข้อเสนอต่อการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ โดยมีเนื้อหาดังนี

_________________________________________________________

ข้อเสนอต่อการบริหารจัดการทรัพยากรแร่
เพื่อก้าวสู่สหัสวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน

ในโลกสมัยใหม่ที่โลกก้าวสู่สหัสวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน  การนำทรัพยากรแร่ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติประเภทใช้แล้วหมดไป ไม่สามารถงอกเงยขึ้นมาใหม่ได้ มาใช้ประโยชน์ ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบ  ปัจจัยและคุณค่าใหม่ ๆ ของสังคมที่ยึดโยงอยู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างลึกซึ้งและจริงจัง  อาทิเช่น  ภาวะโลกร้อน  การละเมิดสิทธิมนุษยชน  การคุ้มครองสิทธิของธรรมชาติผู้ให้กำเนิด  อุทยานธรณี (Geopark)  พื้นที่เขตสงวนชีวมณฑล  ความหลากหลายทางชีวภาพ  ความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทและผู้ประกอบการตลอดห่วงโซ่อุปาทาน  เป็นต้น

กฎหมายแร่ฉบับใหม่  หรือ  พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560  มีบทบัญญัติใหม่ ๆ ที่น่าสนใจหลายประการที่แตกต่างไปจากกฎหมายแร่ฉบับเก่าเมื่อ 50 ปีที่แล้ว (พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510)  ซึ่งวางหลักในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ของสังคมไทยให้ก้าวสู่สหัสวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนได้  แม้จะยังเป็นบทบัญญัติที่ไม่สมบูรณ์พอก็ตาม  แต่ก็ถือว่าเป็นบทบัญญัติที่สร้างบันไดขั้นแรกเพื่อนำไปสู่แนวคิดและหลักการอันยึดโยงอยู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างลึกซึ้งและจริงจังได้มากขึ้นในอนาคต

แต่รัฐไทย โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.)  และคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ (คนร.) ดูเหมือนว่าจะไม่ปรับตัวและพลวัตตามกฎหมายแร่ฉบับใหม่  โดยพยายามทำทุกวิถีทางที่จะเหนี่ยวรั้งสังคมไทยด้วยการจัดทำ ‘แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่’ ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการก้าวสู่สหัสวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน  ด้วยการคิดเกี่ยวกับทรัพยากรแร่เพียงมิติเดียว  นั่นคือ  ที่ใดมีทรัพยากรแร่ก็ต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการอนุมัติ/อนุญาตแก่รัฐหรือเอกชนขุดแร่ขึ้นมาใช้ให้ได้  โดยไม่สนใจว่าที่แห่งนั้นจะมีความเปราะบาง  หรืออ่อนไหว  หรือไม่เหมาะสม  หรือสมควรสงวนหวงห้ามเอาไว้

ซึ่งขัดแย้งต่อแนวทางของการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ตามกฎหมายแร่ฉบับใหม่ที่คำนึงถึงทรัพยากรแร่ในหลายมิติ  หรือคำนึงถึงหน้าที่อื่น ๆ ของทรัพยากรแร่ด้วย  ทั้งมิติหรือหน้าที่ของการขุดขึ้นมาใช้,  การอนุรักษ์และสงวนหวงห้ามเพื่อการเรียนรู้ต่อคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของการกำเนิดโลกและเอกภพ,  การป้องภัยพิบัติที่เกิดจากธรณีวิทยาแหล่งแร่,  การเก็บไว้ใช้เพื่อคนรุ่นต่อไปเมื่อมีความเหมาะสมทางเทคโนโลยีและวิทยาการที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  สังคมและสุขภาพในอนาคต  เป็นต้น

ตลอดระยะเวลาของ ‘แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่’ ฉบับแรก (2560 – 2564) ที่ กพร. และ คนร. ได้ดำเนินการ  ก็คือ  การยกเว้นให้พื้นที่คำขออาชญาบัตรประเภทต่าง ๆ และคำขอประทานบัตร,  อาชญาบัตรประเภทต่าง ๆ และประทานบัตร,  คำขอต่ออายุอาชญาบัตรประเภทต่าง ๆ และคำขอต่ออายุประทานบัตร  ที่ออกตามความกฎหมายแร่ฉบับเก่าและที่ยื่นก่อนกฎหมายแร่ฉบับใหม่มีผลใช้บังคับ,  ประกาศกำหนดแหล่งหินเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะะกรรมการกำหนดแหล่งหินเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง,  ที่ดินกรรมสิทธิ์เพื่อการทำเหมืองประเภทที่ 1 และการทำเหมืองหินอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ  ให้ถือเป็น ‘เขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง’ เพื่อผลักดันให้เกิดการดำเนินกิจการทำเหมืองแร่ต่อไปได้โดยไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายแร่ฉบับใหม่  ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่าการกำหนดพื้นที่ใดก็ตามให้เป็น ‘เขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง’ ต้องคำนึงถึงพื้นที่หวงห้ามตามมาตรา 17 วรรคสี่  และมาตราอื่น ๆ  ได้แก่  พื้นที่อุทยานแห่งชาติ  พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า  พื้นที่โบราณวัตถุและโบราณสถาน  พื้นที่หวงห้ามที่มีกฎหมายเฉพาะ  พื้นที่แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม  พื้นที่เปราะบาง  อ่อนไหว  ไม่เหมาะสมและไม่คุ้มค่าต่อความเสียหายทางระบบนิเวศ  รวมถึงความเสียหายต่อคุณค่าใหม่ ๆ เพื่อที่จะนำสังคมไทยให้ก้าวสู่สหัสวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนได้เป็นอย่างดี  อาทิเช่น   พื้นที่อุทยานธรณี (Geopark)  พื้นที่เขตสงวนชีวมณฑล  พื้นที่ความหลากหลายทางชีวภาพ  พื้นที่ที่คำนึงถึงสิทธิของธรรมชาติผู้ให้กำเนิด  เป็นต้น

ปัจจุบัน กพร. และ คนร. กำลังดำเนินการจัดประชุมปรึกษาหารือทางเทคนิคในการจัดทำ ‘ร่างแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่สอง (2565 – 2569)’ แบบซ้ำรอยเดิม  คือ  ยกเว้นทุกพื้นที่ที่กล่าวมาให้เป็น ‘เขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง’ ต่อไป  โดยไม่สนใจข้อเรียกร้อง  คำทักท้วงและวิพากษ์วิจารณ์ของภาคประชาชนว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแร่ฉบับใหม่ 

เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ได้ให้โอกาสแก่ กพร. และ คนร. มามากพอแล้ว จึงถึงเวลาอันเหมาะสมแล้วที่จะดำเนินการเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้าน เรียกร้องและฟ้องคดีแก่เจ้าหน้าที่และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อเอาผิดอย่างถึงที่สุด visit here ด้วยความปรารถนาว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของพลเมืองโลกและสังคมไทยเพื่อผลักดันและขับเคลื่อนสังคมโลกและสังคมไทยก้าวสู่สหัสวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน C

เพื่อส่งต่อโลกและประเทศนี้แก่ลูกหลานเราได้เป็นอย่างดี

ด้วยความเคารพ

เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่

2 ตุลาคม 2564

_________________________________________________________

ดาวน์โหลด

แถลงการณ์เครือข่ายแร่ :ข้อเสนอต่อการบริหารจัดการทรัพยากรแร่เพื่อก้าวสู่สหัสวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน

ภาษาไทย

ภาษอังกฤษ

ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง