วัชลาวลี คำบุญเรือง
มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)
การได้หายใจและใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอากาศที่สะอาด ทิวทัศน์ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ สายลมที่พัดโชยอ่อนๆ ช่วยปลอบประโลมให้คนเช่นพวกเราสามารถมีความสุขแม้ในวันที่เหนื่อยล้า หนักหนา เป็นพื้นที่หลีกหนีทางอารมณ์ให้มนุษย์สามารถมีแรงสู้ต่อในแต่ละวัน สภาพแวดล้อมที่ดีจึงส่งผลอย่างมากต่อการดำรงชีพและอารมณ์ของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ทำให้เราจึงต้องเห็นความสำคัญของสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี ที่ทุกคนจะสามารถมีสิทธิได้ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สะอาด ถูกสุขอนามัย และยั่งยืน[1]
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติลงมติเห็นชอบและประกาศว่า “การเข้าถึงสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ดีต่อสุขภาพ และยั่งยืน (Clean, Healthy and Sustainable Environment)” เป็นสิทธิมนุษยชนสากล การลงมติครั้งนี้ของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นการยืนยันมติของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council: UNHRC) ที่ประกาศให้การเข้าถึงสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ดีต่อสุขภาพ และยั่งยืน เป็นสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2564 และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่โหวตให้ความเห็นชอบ กระนั้นก็ตามข้อมติดังกล่าวยังคงไม่มีสภาพบังคับในทางกฎหมาย แต่เป็นเสมือนการจุดประกายและสร้างความตระหนักร่วมกันของประชาคมโลกต่อเรื่องสิทธิในการดำรงอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี[2]
แต่เมื่อหันกลับมาดูเรื่องสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีของประเทศไทย รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กลับไม่ได้รับรองสิทธิในการดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีไว้โดยตรง มีเพียงการรับรองสิทธิของบุคคลและชุมชนในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟู บำรุง จัดการทรัพยากรและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ตามมาตรา 43 ส่วนหน้าที่ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู รวมถึงการบริหารจัดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติกลับเป็นหน้าที่ของรัฐที่ประชาชนสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ หรือในการดำเนินการใดของรัฐหรือที่รัฐอนุญาตให้ผู้ใดดำเนินการ หากอาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียอื่นใดของประชาชน รัฐต้องดำเนินการให้มีการศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนและชุมชน บนหลักการมีส่วนร่วมจากประชาชนตามมาตรา 57 และมาตรา 58[3]
การที่รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศไม่ได้บัญญัติรับรองไว้โดยชัดแจ้ง ทำให้การคุ้มครองสิทธิในการดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีของประชาชนถูกละเลยเมินเฉย ทั้งในการตรากฎหมายและการปฏิบัติงานของหน่วยงานเจ้าหน้าที่รัฐ และเมื่อใดก็ตามที่เกิดปัญหาหรือคดีเกี่ยวกับผลกระทบและการปนเปื้อนมลพิษทางสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันรั่ว สารเคมีรั่วไหลจากอุตสาหกรรมลงสู่ธรรมชาติ หรือปัญหาเกี่ยวกับมลภาวะทางอากาศ อากาศเป็นพิษ กลิ่นขยะ รวมไปถึงปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ที่สร้างผลกระทบต่อสุขภาวะของประชาชน แต่กลับไม่มีการบัญญัติรับรองสิทธิไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ทำให้การฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อปกป้องคุ้มครองและเรียกร้องการชดเชยเยียวยาความเสียหายต่อสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีกลายเป็นเพียงข้อเรียกร้องที่แผ่วเบาในสายตาของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และถูกตั้งคำถามโต้แย้งหรือกระทั่งปฏิเสธถึงความมีอยู่จริงของสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่เสมอ
สิทธิที่เคยมี แต่ถูกพรากไปจากรัฐธรรมนูญไทย
เดิมทีนับแต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มาตรา 56 ได้บัญญัติรับรองสิทธิชุมชนในการมีส่วนร่วมจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้ดำรงอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งรับรองสิทธิของบุคคลที่จะมีสิทธิมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชน ในการบำรุงรักษา และได้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่องในสิ่งแวดล้อมที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิตของตน ตามที่กฎหมายบัญญัติ ทั้งนี้ บุคคลสามารถฟ้องร้องรัฐได้เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามสิทธิและการมีส่วนร่วมดังกล่าว
และรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 67 ได้บัญญัติรับรองสิทธิของบุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชนในการอนุรักษ์ บำรุงรักษาและการได้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ และในการคุ้มครอง ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่องในสิ่งแวดล้อมที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ อนามัย สวัสดิภาพ หรือคุณภาพชีวิตของตน ย่อมได้รับความคุ้มครองตามความเหมาะสม…[4] ไว้เช่นเดียวกัน
การริเริ่มรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีในรัฐธรรมนูญเคยดำรงอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พ.ศ. 2540 และยังคงสืบต่อมาจนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ซึ่งทั้งสองรัฐธรรมนูญต่างยอมรับ ‘สิทธิของบุคคลในการดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่องในสิ่งแวดล้อมที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย…’ อันเป็นการวางหมุดหมายสำคัญต่อสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีในทางกฎหมายของไทย ควบคู่ไปกับสิทธิในการมีส่วนร่วมของบุคคลและชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติในกฎหมายสูงสุดของประเทศ[5]
การตอกหมุดสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีในรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้เกิดการสร้างบรรทัดฐานใหม่ๆ ในคดีด้านสิ่งแวดล้อม เช่น คดีมาบตาพุด ที่ประชาชนได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางโดยโต้แย้งว่าหน่วยงานรัฐไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 67 และศาลปกครองกลางมีคำสั่งบรรเทาทุกข์ชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี (คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว-ผู้เขียน) สั่งให้หน่วยงานรัฐที่ถูกฟ้องคดีสั่งให้เอกชนทั้ง 76 ราย ยุติการดำเนินการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีการประมาณการว่าคำสั่งนี้อาจกระทบต่อเศรษฐกิจมากถึง 400,000 ล้านบาท[6]
ผลกระเทือนจากคดีนี้ ส่งผลให้ผู้ฟ้องคดีได้รับการยืนยันว่า เป็นผู้มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว และได้รับการยืนยันจากศาลว่า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 กำหนดไว้ ทั้งศาลปกครองกลาง ยังได้วางแนวทางในการตีความมาตราดังกล่าว โดยอธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า
“รัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 1 รับรองสิทธิในการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีของประชาชน อันเป็นครั้งแรกที่ศาลไทยตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคหนึ่งอย่างกว้างว่ารวมไปถึงสิทธิในการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งต่อมาศาลปกครองสูงสุดในคดีอื่นก็ได้รับรองแนวทางการตีความเช่นนี้”[7]
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ฉีกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีก็ได้ถูกทำให้หายไปจากรัฐธรรมนูญไทยด้วย การหายไปของสิทธิดังกล่าว ส่งผลสำคัญต่อสิทธิมนุษยชนโดยตรง เพราะสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีถือเป็นส่วนขยายของสิทธิในชีวิตและร่างกายของมนุษย์ที่รัฐหรือบุคคลใดมาล่วงละเมิดหรือพรากไปไม่ได้ เป็นหน้าที่ที่รัฐต้องคุ้มครองให้สิทธิในชีวิตและร่างกายของประชาชนต้องดำรงอยู่ได้อย่างปกติสุข ในสภาพแวดล้อมที่สะอาด ดีต่อสุขภาพ และยั่งยืน ด้วยเช่นกัน และในขณะที่สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการยอมรับและคุ้มครองในทางกฎหมายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและกว้างขวาง ทั้งในระดับกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐธรรมนูญ และคำพิพากษาของศาลในหลายประเทศทั่วโลก
“แต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กลับตัดทิ้งและไม่ปรากฎว่ามีบทบัญญัติมาตราอื่นใดที่พอจะตีความเทียบเคียงได้” [8]
ท้ายนี้ ในปี 2566 เป็นปีที่เราได้เผชิญเหตุวิกฤตทางสิ่งแวดล้อมหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นปัญหามลภาวะทางอากาศ PM2.5 ปัญหาปนเปื้อนรังสีซีเซียม-137 ปัญหามลภาวะทางกลิ่นและการปนเปื้อนลงสู่ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น โรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุช น้ำมันรั่วในอ่าวไทย รวมไปถึงการเผชิญต่อสภาวะโลกร้อน ที่จะเป็นตัวซ้ำเติมให้เกิดความรุนแรงต่อสภาพภูมิอากาศ แต่หากทิศทางพัฒนาของประเทศยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่หลงลืมการมีส่วนร่วมจากประชาชน และใช้ทรัพยากรอย่างไม่รอบคอบและยั่งยืน ผลกระทบรุนแรงที่สุดจะตกอยู่ที่ประชาชนและชุมชนที่ไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรและการกำกับดูแลที่ดีของรัฐ ความเหลื่อมล้ำและการละเมิดสิทธิมนุษยชนจึงวนเป็นงูกินหางไม่รู้จบตราบเท่าที่รัฐยังไม่คำนึงถึงการคุ้มครองสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับประชาชน และส่งต่อสภาพแวดล้อมที่ดี สะอาด และยั่งยืน ให้กับคนรุ่นถัดไป และเนื่องในวันรัฐธรรมนูญนี้ การเรียกร้องส่งเสียงเพื่อทวงคืน “สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี” จึงเป็นการตอกย้ำอีกครั้งถึงความสำคัญในสิทธิมนุษยชนที่ถูกทำให้หล่นหายไป
10 ธันวาคม 2566 เนื่องในวันรัฐธรรมนูญและวันสิทธิมนุษยชนสากล
ภาพประกอบ: Jin Jeen
[1] EnLAW, คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รับรอง “สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี คือ สิทธิมนุษยชน”, เผยแพร่เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564, https://enlawfoundation.org/environmental-rights-un/
[2] Thairath Plus, สมัชชาใหญ่ UN ประกาศให้ ‘การเข้าถึงสิ่งแวดล้อมที่ดี’ เป็นสิทธิมนุษยชน เพิ่มพลังให้การต่อสู้ด้านสิ่งแวดล้อม, เผยแพร่เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2565, https://plus.thairath.co.th/topic/naturematter/101915.
[3] รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560
[4] iLaw, สรุปร่างรัฐธรรมนูญ: ตัด “สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี” โบกมือลาองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม, เผยแพร่เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2559, https://ilaw.or.th/node/4215
[5] มนทนา ดวงประภา, สิทธิในสิ่งแวดล้อมในรัฐธรรมนูญไทยยุค (เสมือน) เปลี่ยนผ่าน, เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2557, https://enlawfoundation.org/transition-right-to-environment/.
[6] สงกรานต์ ป้องบุญจันทร์, การประกอบสร้างสิทธิจากเบื้องล่าง: กรณีศึกษาการฟ้องคดีเพื่อหยุดมลพิษจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด, หนังสือประมวลบทความในการประชุมวิชาการนิติสังคมศาสตร์ระดับชาติ หัวข้อ “จินตนาการใหม่ ภูมิทัศน์นิติศาสตร์ไทย” วันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ณ โรงแรมฟูราม่า จังหวัดเชียงใหม่, หน้า 85.
[7] พึ่งอ้าง, หน้า 91.
[8] ศิริรุ่ง ศรีสิทธิพิศาลภพ, EnLaw ตั้งคำถาม สิทธิทางสิ่งแวดล้อมตามรัฐธรรมนูญ ปาฐกถาเรียกร้องการคุ้มครองสิทธิให้ประชาชน, เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2560, https://greennews.agency/?p=19693.