ข่าวและภาพ: มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)
ชาวบ้านเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ฯบางสะพานเข้าพบหน่วยงานอุตสาหกรรม แสดงข้อห่วงกังวลโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์บางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์
วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. ชาวบ้านเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบางสะพาน เดินทางเข้าพูดคุยและยื่นหนังสือต่อการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และกระทรวงอุตสาหกรรม แสดงความห่วงกังวลถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน จากกรณีโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ของกลุ่มธุรกิจเครือสหวิริยา ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2555 ที่กลุ่มธุรกิจเครือสหวิริยาได้เคยมีแผนโครงการขยายโรงถลุงเหล็กและการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที่ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ก็ถูกตรวจสอบและคัดค้านจากชุมชนในพื้นที่ถึงความไม่ถูกต้องเหมาะสมมาโดยตลอด ทั้งเรื่องการขอใช้พื้นที่ป่าสงวนฯ การขอใช้น้ำจากคลองบางสะพาน การขอเช่าพื้นที่และทางสาธารณะ และโดยเฉพาะกรณีที่ดินโครงการที่ถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิเนื่องจากทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนและป่าพรุจำนวนหลายแปลง (อ่านเพิ่มเติม: https://prachatai.com/journal/2012/03/39815)
ล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ความพยายามในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมที่อำเภอบางสะพานของเครือสหวิริยาได้ปรากฏขึ้นเป็นข่าวอีกครั้ง โดยมีข้อมูลเบื้องต้นว่าเป็นโครงการนิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์บางสะพานครบวงจรที่จะเกิดขึ้นบนพื้นที่ 1,660 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่หลังท่าเรือน้ำลึกประจวบ อำเภอบางสะพาน โดยบริษัท เอสวีแอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือสหวิริยานั้น เพื่อเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์สำหรับภาคตะวันตกและภาคใต้ตอนบน เชื่อมต่อการขนส่งทั้งทางรถ เรือ รถไฟ เพื่อเชื่อมโยงสู่เขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หรือ Bridge to EEC today (อ่านเพิ่มเติม: https://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1494144622)
ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในตำบลแม่รำพึงและตำบลใกล้เคียงในอำเภอบางสะพาน มีความห่วงกังวลถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการพัฒนาและจัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว โดยเฉพาะในประเด็นต่อไปนี้
- ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากจะทำให้เกิดการบุกรุกและทำลายป่าสงวนแห่งชาติจากการเตรียมพื้นที่ ซึ่งจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอย่างรุนแรงจากการขุดและถมดินโดยเป็นการปิดกั้นแหล่งเก็บน้ำธรรมชาติและทางระบายน้ำของอำเภอบางสะพาน ตลอดจนการขุดลอกร่องน้ำลึกมากถึง 14 เมตร ให้คงที่ตลอดปี เพื่อให้เรือบรรทุกขนาดใหญ่สามารถแล่นได้ตลอดเส้นทางในอ่าวไทย จะเป็นผลให้พื้นที่ใต้ท้องทะเลเกิดการฟุ้งกระจายของตะกอนและแก๊ส สารเคมี สารมลพิษโลหะหนัก คราบน้ำมันปนเปื้อน ซึ่งส่งผลต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเล โดยเฉพาะปัญหาการอพยพของปลาทูและสัตว์ทะเล
- ปัญหาทางเศรษฐกิจ โครงการดังกล่าวจะเกิดผลกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติทางทะเล เช่น หาดแม่รำพึงถึงหาดบ้านกรูด ซึ่งจะเป็นการทำลายสภาพธรรมชาติที่เหมาะสม และเป็นการทำสูญเสียการกระจายรายได้ของประชาชนในท้องถิ่น
- ปัญหาการจราจรในพื้นที่ เนื่องจากโครงการดังกล่าวจะต้องมีการขนส่งทั้งทางรถ เรือ รถไฟ และระบบราง ต้องมีการบรรทุกสินค้าโดยรถบรรทุกขนาดเกิน 10 ล้อขึ้นไป ซึ่งจะต้องมีการใช้เส้นทางในชุมชนอำเภอบางสะพาน เป็นผลให้เกิดการจราจรหนาแน่นมากขึ้นและรบกวนความเป็นอยู่ของชุมชน
จากข้อห่วงกังวลถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพวิถีชีวิตของประชาชนและความไม่คุ้มค่าต่อการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ชาวบ้านเครือข่ายอนุรักษ์ฯ จึงมีข้อเรียกร้องต่อการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และกระทรวงอุตสาหกรรม ต่อการเตรียมการจัดตั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว ดังนี้
- ไม่ควรสนับสนุนให้เกิดการร่วมทุนกับโครงการนี้จนกว่าจะมีความชัดเจนในกระบวนการทางกฎหมาย จากกรณีที่มีการทุจริตที่ดินป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองแม่รำพึง ซึ่งปัจจุบันยังคงอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลปกครอง
- พื้นที่ส่วนใหญ่ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์บางสะพานซึ่งทับซ้อนเป็นส่วนหนึ่งโครงการนิคมอุตสาหกรรมเหล็กบางสะพาน ที่มีประเด็นการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองแม่รำพึงมีความไม่ชอบธรรม ตามที่ กนอ. และกลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์ฯ ได้เคยทำบันทึกข้อตกลงกันในกรณีที่จะไม่สนับสนุนนิคมอุตสาหกรรมที่มีข้อพิพาทในเรื่องที่ดินแปลงดังกล่าวนี้
- กนอ. ควรมีข้อเสนอให้บริษัทในเครือสหวิริยายุติการอ้างอิงหรือใช้ประโยชน์จาก กนอ. ในการสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน และควรระงับการอ้างใช้ชื่อ กนอ. โดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้นักลงทุนได้รับข้อมูลอันเป็นเท็จ เพราะมีการใช้ข้อมูลประชาสัมพันธ์โดยใช้คำว่า “นิคมอุตสาหกรรม โลจิสติกส์บางสะพาน (Bangsaphan Logistics Industrial Estate)” เพื่อจูงใจการลงทุน อันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2522 (มาตรา 40)
- กลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์ฯ ไม่ประสงค์ให้กระทรวงอุตสาหกรรมมีความเห็นหรือชี้แนะแสดงความกดดันต่อ กนอ. ในการเร่งทำสัญญาหรือจัดการพื้นที่เพื่อให้โครงการดังกล่าวเดินหน้าได้ เพราะในพื้นที่ยังคงมีปัญหาเรื่องที่ดินป่าสงวนฯที่นายทุนมีการจัดการบุกรุกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ภายหลังจากการเข้ายื่นหนังสือแสดงความห่วงกังวล การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้ชี้แจงต่อชาวบ้านเครือข่ายอนุรักษ์ฯ ว่าโครงการดังกล่าวยังไม่ได้มีการติดต่อเพื่อขออนุมัติดำเนินงานจากทาง กนอ. จึงยังไม่มีข้อผูกพันกันกับบริษัท แต่ทั้งนี้ทาง กนอ. จะส่งเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อศึกษาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และเสนอที่จะเป็นตัวกลางการเจรจาของทั้งสองฝ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดความขัดแย้งและแจ้งข้อห่วงกังวลของชาวบ้านต่อบริษัทผู้ดำเนินการให้คลี่คลายความห่วงกังวลตามที่กล่าวมา
หลังจากนั้นในช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. กลุ่มเครือข่ายฯ ได้เดินทางไปที่กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อยื่นหนังสือแสดงความห่วงกังวลและประเด็นข้อเรียกร้องตามที่ได้กล่าวมา โดยมีที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นตัวแทนรับหนังสือไว้และแจ้งว่าจะได้เสนอเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไป